แพทย์หญิง วิทัศศนา กูรู ทางด้าน การผ่าตัด ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น

THE GURU | พญ. วิทัศศนา เขตต์กลาง นายกสมาคม ศัลยกรรมตกแต่งนรี หรือ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น ให้สัมภาษณ์ นิตยสาร Appeal เดือนธันวาคม 2556 

พญ. วิทัศศนา แพทย์ผู้คืนความสาวให้กับจุดซ่อนเร้น ของคุณผู้หญิง 

 ความสาวที่ผู้หญิงรักและหวงแหน นอกจากจะเป็นเรื่องของผิวพรรณ, หน้าตา และหน้าอกอันงดงามแล้ว จุดซ่อนเร้นเป็นอีกจุดหนึ่ง ที่ผู้หญิงเราไม่อาจละเลยไปได้ แน่นอนว่าในปัจจุบัน ศัลยกรรมตกแต่งจุดซ่อนเร้น ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย 

ซึ่งเรื่องสำคัญที่จะตามมานั่นก็คือ แพทย์จะสื่อสารกับคนไข้อย่างไร ให้เข้าใจถึงข้อดีและข้อเสีย โดยไม่หวังแค่เรื่องของผลประโยชน์ ในเชิงธุรกิจอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วย นั่นคือสิ่งที่ พญ. วิทัศศนา เขตต์กลาง หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวชเพื่อความงาม (ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น) และ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งนรีเวชไทย ยึดหลักในการเป็นแพทย์ที่ดี

จุดเริ่มต้นของ พญ. วิทัศศนา ในการหันมาสนใจ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น

“ในสมัยก่อนตอนที่เป็นนักเรียนแพทย์ หมอเองเป็นคนที่ชอบ และสนใจในการใช้ทักษะการผ่าตัด แขนงวิชาที่ไม่มีทฤษฎีมากจนเกินไป เป็นการผสมระหว่างอายุรกรรมกับศัลยกรรม เราเองก็เลยมองว่า ด้านสูติ-นรีเวช เป็นวิชาที่มีคุณสมบัติ ในแบบที่เราชอบ และเป็นวิชาที่เราได้คะแนนค่อนข้างดีด้วย อีกทั้งวิชานี้ ยังเป็นศาสตร์ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่เหมือนกับอายุรกรรม ที่จะต้องอัพเดตตัวเองตลอดเวลา แต่วิชานี้จะเน้นความสำคัญ ที่เรื่องของทักษะการผ่าตัด ต้องพัฒนาทักษะของตัวเองในการใช้มีด เพราะมีทั้งผ่าคลอด และ ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวชอื่นๆ ซึ่งหากไม่ระวังในการผ่าตัด ก็อาจจะพบภาวะแทรกซ้อน และดับไปเลยในวงการแพทย์ได้

สำหรับตัวหมอเอง เป็นคนที่ชอบความท้าทาย และชอบการผ่าตัด จึงทำให้หมอตัดสินใจเรียนในตอนนั้นค่ะ หลังจากจบมาก็ไปใช้ทุนเฉพาะทาง ที่ต่างจังหวัดก่อน ซึ่งนั่นก็เป็นอีกโอกาสหนึ่ง ที่ทำให้เราได้ไปฝึกกับหมอศัลยกรรม ซึ่งท่านเป็นผู้อำนวยการ โรงพยาบาลที่ต่างจังหวัด ได้ฝึกผ่าคลอด และฝึกประสบการณ์การผ่าตัดต่อ ทำให้เราชอบทางด้านนี้มากขึ้น

หลังจากนั้นก็มีโอกาส ได้ทำงานในโรงพยาบาลเอกชน ที่กรุงเทพฯแห่งหนึ่ง และในขณะนั้น โรงพยาบาลเพิ่งเปิดได้ 1 ปี เริ่มมีชื่อเสียง ในเรื่องศัลยกรรมตกแต่งบ้างแล้ว แต่ส่วนของแผนก สูติ-นรีเวช มีคุณหมอผู้ชายเพียงท่านเดียว ทางโรงพยาบาลจึงต้องการรับสมัครหมอผู้หญิงอีก 1 คน เลยเป็นที่มา ที่เราได้มีโอกาสเข้ามาช่วย โดยท่าน ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นผู้ให้โอกาสหมอ ให้ได้เข้ามาทำตรงนี้ค่ะ ต้องขอบคุณท่านจริงๆ”

เป็นคนเต็มที่กับงานมาก เรียกว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดเลย

“พอได้เข้ามาทำงานที่ โรงพยาบาลเอกชน ณ ตอนนั้นต้องทำควบทั้งทางด้านสูติ-นรีเวช และส่วนของ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นค่ะ คือทั้งทำคลอด, ผ่าตัด,  ตัดมดลูก, ศัลยกรรม ตกแต่งแคมเล็ก, แก้ไขมดลูกหย่อน และ ผ่าตัดรีแพร์ด้วย พอทำไปได้สัก 3 ปี เราเริ่มรู้สึกว่ามีคนไข้เข้ามาเยอะขึ้น หมอเองก็อยากเต็มที่กับทุกเคส ดูแลให้ดีทุกคน ถ้าทำพร้อมๆ กัน อาจจะไม่เต็มที่สักทาง”

“จึงตัดสินใจฉีกออกมาทำทางด้าน ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวช หรือ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น อย่างเดียว ขอไม่รับทำคลอดจะดีกว่าค่ะ เพราะไม่อยากกดดันตัวเอง และเร่งรีบเกินไป แต่ก็ยังช่วยรับฝากครรภ์, ผ่าตัดมดลูก, เช็คมะเร็งปากมดลูก, ผ่าตัดท้องนอกมดลูก, ผ่าตัดเนื้องอก หรือผ่าตัดปีกมดลูกด้วย”

“หลังจากนั้นมา 10 ปี เคสของ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น ค่อนข้างเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเคสที่ ตกแต่งอวัยวะเพศหญิง ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งได้แก่ การผ่าตัด ตกแต่งแคม และการผ่าตัด ตกแต่งช่องคลอด ซึ่งได้มีอาจารย์แพทย์จากมหาวิทยาลัยท่านหนึ่งบอกหมอว่า ในมหาวิทยาลัย–อาจารย์คนหนึ่งมีเคสศัลยกรรมตกแต่งภายใน เพื่อแก้ไขภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน  (เคสเอพี – รีแพร์ ) คนละ 2 เคสต่อ 1 เดือน ใน 1 ปีก็จะมี 24 เคส ผ่าไป 10 ปี จะมี 240 เคส นั่นถือว่าเยอะแล้ว”

“แต่หมอเองทํางาน 6 ปี ได้มีโอกาสทำผ่าตัดเคสเอพี – รีแพร์ไปทั้งหมดเกือบ 900 เคส เฉพาะแค่โรคอุ้งเชิงกรานหย่อนเท่านั้น ถ้ารวมอย่างอื่นด้วยก็รวมจำนวนมากกว่า 11,000 หัตถการที่เคยทำมา (ถ้านับตั้งแต่ 2542 ถึงปัจจุบัน ปี 2564) ซึ่งตอนนี้ทำงานเฉพาะด้านนี้มาถึงปัจจุบัน ถึงปี 2564 ก็เป็นเวลากว่า 22 ปี) ซึ่งต้องขอบคุณคนไข้ที่ให้เกียรติเรา ให้เกียรติโรงพยาบาล เพราะตัวหมอเองไม่ได้มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เกิด ไม่ได้ผ่าตัดเป็นมาตั้งแต่เกิด ถ้าเราไม่ได้รับโอกาสทำงานตรงนี้ จนในที่สุดวันนี้เราต้องเปิดเป็น ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวช แยกออกมา เพื่อรองรับคนไข้ที่จะเข้ามาปรึกษา รวมทั้งให้การดูแลคนไข้ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดได้อย่างทั่วถึงค่ะ”

เป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองจาก สถาบันตกแต่งทางนรีเวช โดยเลเซอร์ ในลอสแองเจลิส ประเทศอเมริกา

“เป็นที่รู้ๆกันดีว่า เรื่องนี้ในเมืองไทยเราทำมานาน แต่คนยังไม่ค่อยนิยมและยอมรับ ซึ่งต่างจากเมืองนอก ที่ศาสตร์แขนงนี้เติบโตเร็วมากในช่วง 5 ปีหลังมานี้ และในต่างประเทศก็จะมีเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งทางเราก็คิดว่าแค่ชื่อเสียงของโรงพยาบาล หรือชื่อเสียงของหมอเองอาจจะไม่พอ เราจะต้องมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เลยมองหาที่-ที่จะไปอัพเดตตัวเอง และศึกษาเพิ่มเติมว่า ที่ไหนมีเทคโนโลยีที่จะช่วยพัฒนาการผ่าตัดคนไข้ได้มากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น ทางโรงพยาบาล จึงส่งหมอไปเรียนเพิ่มเติม กับเจ้าพ่อรีแพร์ชื่อดังอย่าง นพ. เดวิด แมทลอค ( Dr. David  Matlock ) ซึ่งประเทศเขามีการพัฒนาเรื่องนี้ได้ไกลกว่า เทคโนโลยีดีกว่า ทำให้หมอเองได้อะไรกลับมาเยอะเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะการใช้เลเซอร์ในการผ่าตัด”

ความท้าทายของ พญ. วิทัศศนา ในการทำงาน ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิง

“ความท้าทายเมื่อ 10 ปีก่อน กับตอนนี้ต้องบอกว่ามันไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนความท้าทายของเราจะเป็น เรื่องความเชื่อมั่นของคนไข้ และวิธีการคุยให้คนไข้ยอมตัดสินใจทำผ่าตัด โดยไม่กลัวภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นหลังการทำผ่าตัด เพราะต้องเข้าใจก่อนว่าหลังผ่าตัด แผลบริเวณนั้นจะเป็นแผลผ่าตัดที่เราจะแปะผ้ากอซปิดไว้ก็ไม่ได้ มีความยากลำบากในการดูแลรักษา”

“ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับคนไข้ให้ดีก่อนการทำผ่าตัด แต่ตอนนี้ความท้าทาย จะเป็นเรื่องที่ต้องแข่งกับทักษะของตัวเองแทนค่ะ เพราะคนไข้ส่วนใหญ่จะไปหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ตก่อน แล้วค่อยมาปรึกษากับเรา ส่วนเราเองก็มีประสบการณ์พอสมควรแล้ว ทำให้เราตระหนักได้ว่า เราจะไปห้ามคนไข้หลังการผ่าตัด ไม่ให้เดิน, เบ่ง, ไอ หรือจาม ก็เป็นไปไม่ได้ไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน ตัวหมอต้องเย็บแผลผ่าตัดให้ดี พัฒนาเทคนิคการเย็บของเราเอง ในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดมากกว่าค่ะ”

พญ. วิทัศศนา กับการอัพเดตเทคโนโลยีปัจจุบันที่เข้ามาช่วย ในการผ่าตัด ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น

“ถ้าเป็นตอนนี้จะเป็นเรื่องของเลเซอร์ค่ะ ตัวเลเซอร์ที่ใช้ในการผ่าตัด อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการศัลยกรรมตกแต่งทั่วไป แต่เป็นเรื่องใหม่ในการผ่าตัด ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวช หรือ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นเช่น การผ่าตัด ตกแต่งช่องคลอด (รีแพร์), การผ่าตัด ตกแต่งแคมเล็ก, การทำช่องคลอดให้กระชับ โดยเลเซอร์ โดยไม่ต้องเย็บช่องคลอดเลย’

“รวมทั้งใน การแก้ไขภาวะปัสสาวะเล็ด ในคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือคนอ้วนมากๆ ที่ไม่สามารถผ่าตัดโดยใช้มีดได้ เป็นต้น ซึ่งการทำเลเซอร์ แบบไม่มีแผลผ่าตัดนี้ คนไข้เองจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ก็จะมีข้อกำจัด คือสามารถทำได้ ในคนไข้ที่ช่องคลอดหย่อนไม่เยอะมากและต้องทำทุกปี ซึ่งคนไข้บางคนอาจจะไม่สะดวก ในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง นอกนั้นก็จะเป็นการนำเลเซอร์มาใช้ เพื่อทำให้ขาหนีบ และแคมเล็กหรือแคมใหญ่ขาวขึ้นด้วยค่ะ”

หลายคนยกย่องให้คุณหมอ วิทัศศนา เป็นกูรูทาง ด้านการผ่าตัด ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น

“เคยได้ยินมาบ้างค่ะ แต่ตัวเองก็ไม่ได้คิดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือเป็นกูรูขนาดนั้น กว่าที่จะมาถึงวันนี้ได้ หมอก็ไม่ได้มาด้วยตัวเองอย่างเดียว ต้องมีครูบาอาจารย์สอนมาทั้งนั้น ไม่กล้าที่จะยกตัวเองเป็นกูรูหรอกค่ะ แต่ก็ต้องขอบคุณ สำหรับคนที่ให้เกียรติหมอ ที่สำคัญต้องขอบคุณกูรูของหมอ คือ ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่มองเห็นแววและให้โอกาสหมอมาทำตรงนี้ค่ะ”

หลักการ แง่คิด คติ ที่ยึดมาเสมอในการทำงานของ พญ. วิทัศศนา  

“ทุกครั้งเวลาทำงาน หมอต้องคิดต้องวางแผนตลอด วันนี้คุยกับเคสแบบไหน กลับบ้านมาก็ต้องคิดแล้วว่า จะทำผ่าตัดยังไงให้เคสนี้ หรือว่าผ่าตัดไปแล้วมีปัญหา เราก็ต้องมีการทบทวนตัวเองทุกครั้ง จะใส่ความประณีตลงไปในการทำงาน ตั้งใจทำทุกเคสให้ดีขึ้น ทำเสมือนคนไข้เป็นคนในครอบครัวเรา ต้องใส่ใจเขา ณ วันนี้อายุมากพอควรแล้ว ความฝันของเราก็คือ การได้ใช้ชีวิต อยู่ในอาชีพหมออย่างมั่นคง และเป็นหมอที่ดีไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่หวังแต่เรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว เราก็ต้องมีจริยธรรมทางการแพทย์ และเป็นหมอที่ดีให้กับคนไข้ด้วยค่ะ”

หมายเหตุ:  ข้อมูลบางส่วนเรื่อง THE GURU ได้มีการอัพเดต ดัดแปลงและปรับแต่ง เพื่อความเหมาะสมในการเผยแพร่ข้อมูลในเชิงวิชาการ

ข้ามไปยังทูลบาร์