การผ่าตัด ตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง คืออะไร?
การผ่าตัด ตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังผนังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง คือ วิธีการผ่าตัดแก้ไขภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน “อย่างรุนแรง” โดยหวังผลการผ่าตัด เพื่อนำเนื้อเยื่อและอวัยวะในอุ้งเชิงกรานที่หย่อนยานให้กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม โดยการผ่าตัดแทนที่ผนังช่องคลอดและเนื้อเยื่อรอบช่องคลอด ด้วยแผ่นพยุงที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังช่องคลอดขึ้นมาใหม่
เป็นการผ่าตัดโดยการใช้แผ่นพยุง เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อของผนังช่องคลอดที่หย่อนยาน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของผนังช่องคลอด ซึ่งจะช่วยให้อาการที่เกิดจาก ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนชนิดรุนแรง ที่มีภาวะกระเพาะปัสสาวะและภาวะลำไส้ใหญ่หรือลำไส้ตรงหย่อนให้ดีขึ้น และในขณะเดียวกันก็จะช่วยทำให้ผนังช่องคลอดแข็งแรงขึ้นด้วย
การศึกษาต่างๆ แสดงให้เห็นว่าแผ่นพยุงมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ถ้านำมาใช้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้คุณต้องทำการประเมินและปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อนว่า การผ่าตัดนี้ มีประโยชน์ต่อคุณจริงๆหรือไม่
1) ข้อควรทราบและการเตรียมตัว ก่อนการผ่าตัด ตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง
GYNECARE GYNEMESH ® PS เป็นแผ่นพยุงที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างของผนังช่องคลอด ที่พยุงอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ในอุ้งเชิงกราน เป็นวัสดุสังเคราะห์ ที่สามารถละลายได้บางส่วน แผ่นพยุงตาข่ายจะเป็นตัวเชื่อมสำหรับการผ่าตัดแก้ไขข้อบกพร่องของเนื้อเยื่อ จึงมีการนำมาใช้ในการผ่าตัดแก้ไขภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน “อย่างรุนแรง” (POP-Q ระดับ 3 ถึง 4)
วัตถุประสงค์ของการผ่าตัด เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนในระยะยาว โดยหวังผลเพื่อป้องกันการกลับเป็นซํ้าอีกหลังการผ่าตัด ที่ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวช (ศูนย์จุดซ่อนเร้น) ของเรา ไม่แนะนําให้ทําการผ่าตัด ในผู้ป่วยในวัยเจริญพันธ์ที่ยังมีเพศสัมพันธ์ เพราะมีโอกาสเกิดแผ่นพยุงยื่น หรือโผล่ออกมาที่ช่องคลอดสูง จะพิจารณาทําผ่าตัดเฉพาะผู้ป่วยอายุมาก และไม่มีเพศสัมพันธ์แล้ว
ในการตัดสินใจทําการผ่าตัด ผู้ป่วยต้องพิจารณาอย่างละเอียด เปรียบเทียบผลดีและผลเสียที่จะได้รับหากไม่ทำการผ่าตัด และผู้ป่วยต้องแน่ใจว่าเข้าใจในวัตถุประสงค์ในการผ่าตัด รวมทั้งผู้ป่วยที่ต้องการผ่าตัด ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดโดยละเอียด โปรดถามในข้อสงสัยต่างๆ ที่ยังไม่เข้าใจ ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด
ในช่วงของการปรึกษาผู้ป่วยจะได้พบกับ แพทย์หญิง วิทัศศนา ผู้ป่วยจะได้รับการซักประวัติและตรวจภายใน กรณีที่มีการติดเชื้ออยู่ในช่องคลอด เช่น เชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย ควรรักษาภาวะติดเชื้อในช่องคลอดให้หายก่อนทำการผ่าตัด
หลังการตรวจภายใน ผู้ป่วยจะได้รับการอธิบาย เกี่ยวกับพยาธิสภาพความหย่อนยานของช่องคลอดก่อนการผ่าตัด, ข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด, การให้ยาระงับความรู้สึกขณะทำการผ่าตัด, ประโยชน์หรือผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการทำผ่าตัด, ทางเลือกในการรักษา และรายละเอียดเกี่ยวกับการพักฟื้นหลังการผ่าตัด รวมทั้งจะมีการแจ้ง ราคาค่าใช้จ่าย ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด
หลังจากนั้นผู้ป่วยจะได้รับการอธิบายเกี่ยวกับ ภาวะแทรกซ้อนทั่วไปของการผ่าตัดตกแต่งช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง ได้แก่ ภาวะเลือดออก, ภาวะแผลติดเชื้อ, ภาวะแผลผ่าตัดแยก, ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด, การแพ้ยาหรือสารอื่นๆที่ใช้ในการผ่าตัด, การเกิดตกขาวมากผิดปกติ, การเกิดเชื้อราในช่องคลอด และภาวะแทรกซ้อนจำเพาะของการผ่าตัดได้แก่ ภาวะปัสสาวะลําบาก, ภาวะปัสสาวะไม่ออกหลังกลับไปบ้าน, การเกิดรูรั่วระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับช่องคลอด หรือการเกิดรูรั่วระหว่างลําไส้กับช่องคลอด, อาการปวดช่องคลอด ขา และ/หรือสะโพก, อาการปวดในระหว่างการมีกิจกรรมทางกายภาพ, การเกิดภาวะแผ่นพยุงโผล่ หรือยื่นออกจากผนังช่องคลอดหลังการผ่าตัด
การผ่าตัดนี้มีข้อจำกัด ไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์และความพึงพอใจ ในผู้ป่วยแต่ละคนได้ทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานเดิมของผู้เข้ารับการผ่าตัด ได้แก่ กรณีมีภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนร่วมกับมีมดลูกหย่อนด้วย อาจจำเป็นต้องทำผ่าตัดมดลูกออกทางช่องคลอดร่วมด้วย และนอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวของผู้ป่วย เพราะโรคประจำตัวบางชนิด ส่งผลต่อกระบวนการหายของแผลผ่าตัด รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับการดูแลแผลผ่าตัดที่ถูกต้องของผู้ป่วย ในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยเกินการควบคุมของแพทย์ ซึ่งแพทย์จะแจ้งให้ผู้ป่วยรับทราบก่อนการผ่าตัด
ทั้งนี้อาจจะเกิดจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม ที่ทําให้การผ่าตัดมีผลคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น การผ่าตัดแก้ไขก็อาจทำได้ โดยการพิจารณาตามความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยและแพทย์ควรจะปรึกษาร่วมกัน ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดแก้ไขต่อเนื่อง ภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังการผ่าตัด โดยเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ายา, ค่าห้องและค่าใช้จ่ายทางวิสัญญีตามจริง
แผ่นพยุง gynecare mesh-
ที่ใช้ในการผ่าตัดตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง
บริเวณที่ทำการผ่าตัด มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากภาวะเลือดออกมากผิดปกติในระหว่างผ่าตัดหรือหลังการผ่าตัดได้ เพราะเป็นการผ่าตัดในบริเวณที่มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก ภาวะเลือดออกผิดปกติ อาจพบได้ประมาณน้อยกว่าร้อยละ 1 แต่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย ดังนั้นผู้ป่วยควรหยุดรับประทานยา ในกลุ่มแอสไพริน หรือกลุ่มยาลดการแข็งตัวของเลือด 10-15 วัน ก่อนหรือหลังการผ่าตัด
อีกทั้งบริเวณที่ทำการผ่าตัด มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากภาวะแผลแยกได้ค่อนข้างมาก เนื่องจากแผลผ่าตัดอยู่ในบริเวณที่จะได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหว ผู้ป่วยควรจะต้องหยุดทำงาน และงดกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำเป็นประจำในช่วง 5-7 วันแรกหลังการผ่าตัด รวมทั้งในส่วนแพทย์ที่ทำผ่าตัดจำเป็นต้องมีความระมัดระวังในการผ่าตัด และมีเทคนิคการเย็บแผลผ่าตัดที่ดี ในการป้องกันการเกิดภาวะแผลแยก
นอกจากนี้ในการผ่าตัดนี้บริเวณที่ทำผ่าตัด มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน จากการอักเสบและการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ซึ่งทำให้เกิดภาวะแผลแยกได้ เนื่องจากแผลผ่าตัดอยู่บริเวณที่อับชื้น รวมทั้งอยู่ใกล้ทางเดินปัสสาวะและทางเดินอุจจาระ ซึ่งมีแบคทีเรียชนิดต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อได้ ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อแล้วเกิดแผลแยก โดยการฉีดยาปฏิชีวนะก่อนการผ่าตัด และการรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสําคัญ
เมื่อพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัด โปรดโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อนัดวันผ่าตัด การผ่าตัดนี้ทำผ่าตัดโดยการดมยาสลบ ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหาร ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการสำลักเศษอาหาร ในระหว่างหรือหลังจากการทำผ่าตัด
ใครที่ไม่แนะนำให้ทำการผ่าตัด และต้องปรึกษแพทย์ก่อนการผ่าตัด ตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังช่องคลอด แบบเสรืมแผ่นพยุง
2) ขั้นตอนก่อนการผ่าตัด ในวันนัดผ่าตัด ตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง
ในกรณีผู้ที่ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีโรคประจำตัว แต่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัด คุณจะได้พบกับ แพทย์หญิง วิทัศศนา เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับข้อสงสัยในการผ่าตัดอีกครั้ง โปรดสอบถามข้อสงสัยและรายละเอียดอื่นๆ กรณีไม่แน่ใจหรือกังวลมาก เนื่องจากเหตุผลใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับการผ่าตัด ควรเลื่อนการผ่าตัดไปก่อน
กรณีที่ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัด ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดจะต้องกรอกเอกสารแสดงความยินยอมเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะถือเป็นใบอนุญาต ให้ทางเจ้าหน้าที่และแพทย์สามารถทำการผ่าตัดคุณได้ จากนั้นพยาบาลจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด โปรดสอบถามข้อสงสัยอื่นๆ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ในกรณีผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด มีโรคประจำตัว ซึ่งอายุรแพทย์ประเมินแล้วพบว่าคุณสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ คุณจำเป็นต้องปรึกษาวิสัญญีแพทย์ ซึ่งคุณจะได้รับคำแนะนำ เกี่ยวกับขั้นตอนก่อนการเข้ารับการผ่าตัด และการให้ยาระงับความรู้สึกขณะทำผ่าตัดอย่างคร่าวๆ โปรดสอบถามข้อสงสัยอื่นๆ จากนั้นคุณจะต้องกรอกเอกสารแสดงความยินยอมเข้ารับการผ่าตัด
หลังเสร็จจากเอกสารแสดงความยินยอมเข้ารับการผ่าตัด จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไปชำระค่าบริการการผ่าตัดทั้งหมดที่แคชเชียร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำคุณไปยังตึกผู้ป่วยใน เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูล ชื่อ-นามสกุล,วันเกิด และนำคุณไปที่ห้องพัก รวมทั้งจะช่วยเหลือในการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อใส่ชุดคลุมผ่าตัด และมอบสายรัดข้อมือ สำหรับระบุตัวตนให้กับคุณ
จากนั้นเจ้าหน้าที่พยาบาลจะทำการตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งสัญญาณชีพ ได้แก่ อุณหภูมิ, การหายใจ, ความดันโลหิตและชีพจร ในกรณีผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับการประเมินสุขภาพจากอายุรแพทย์ จำเป็นต้องมีการเจาะเลือด เพื่อส่งตรวจทางเคมีขั้นพื้นฐาน รวมทั้งต้องมีการตรวจคลื่นหัวใจและเอ็กซเรย์ปอด ในผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดที่มีอายุมากกว่า 45 ปี
หลังจากนั้นวิสัญญีแพทย์จะทำการประเมินสุขภาพของผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดโดยรวมอีกครั้ง ทั้งนี้ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดจะได้รับทราบข้อมูล เกี่ยวกับการให้ยาระงับความรู้สึกขณะทำผ่าตัดโดยละเอียดจากวิสัญญีแพทย์ โปรดสอบถามข้อสงสัยอื่นๆ รวมทั้งรายละเอียดของการให้ยาระงับปวดหลังการผ่าตัด
กรณีผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ต้องการฝากเครื่องประดับและของมีค่า รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ ซึ่งที่ห้องพักตึกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลก็จะมีตู้เซฟ เพื่อเก็บสิ่งของมีค่า ทั้งนี้ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด สามารถเก็บของมีค่าได้ทั้งหมด ในตู้เซฟของโรงพยาบาล
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการเหล่านี้แล้ว เจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดไปยังบริเวณห้องผ่าตัด ซึ่งคุณจะได้รับการดูแลต่อโดยทีมเจ้าหน้าที่วิสัญญี และจะได้รับการฉีดยาปฏิชีวนะภายในหนึ่งชั่วโมงก่อนการทำผ่าตัด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการเหล่านี้แล้ว เจ้าหน้าที่ของห้องผ่าตัดจะนำผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดไปยังห้องผ่าตัด ซึ่งคุณจะได้รับการดูแล โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำห้องผ่าตัดต่อไป
3) ขั้นตอนการผ่าตัด ตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยการดมยาสลบ เมื่อผู้ป่วยหลับแพทย์จึงจะทําการผ่าตัด โดยเริ่มจากการผ่าตัดเลาะเปิดผนังช่องคลอดทางด้านหน้าของช่องคลอด แล้ววางแทนที่เนื้อเยื่อผนังช่องคลอดที่หย่อนยานด้วยแผ่นพยุงวัสดุสังเคราะห์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังช่องคลอดด้านหน้าขึ้นมาใหม่ จากนั้นผนังช่องคลอดจะถูกเย็บปิดด้วยไหมละลายช้า ตลอดความยาวทั้งหมดของผนังช่องคลอดทางด้านหน้า–โดยทําการเย็บทั้งหมด 2 หรือ 3 ชั้น แล้วแต่ความเหมาะสม และเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากแผลแยก ที่จะทําให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ–รวมทั้งจะทำให้มองไม่เห็นหรือรู้สึกว่ามีแผ่นพยุงอยู่ในช่องคลอด
หลังจากนั้นแพทย์ก็จะทําการผ่าตัดในกระบวนการเช่นเดียวกันทางด้านหลังของผนังช่องคลอด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจะทำให้ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนคล้อยดีขึ้น และในขณะเดียวกันก็ทำให้ผนังช่องคลอดแข็งแรงขึ้นด้วย ผู้ป่วยจำเป็นต้องใส่ผ้ากอซ (vagina packing ) ไว้ในช่องคลอด 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัด เพื่อช่วยห้ามเลือด และทําให้ผนังช่องคลอดยึดติดกับแผ่นพยุง รวมทั้งผู้ป่วยจำเป็นต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้ 3 – 5 วันหลังการผ่าตัด
การผ่าตัดตกแต่งด้านหน้าช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง
การผ่าตัดตกแต่งด้านหลังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง
การผ่าตัด ตกแต่งด้านหน้าและด้านหลังช่องคลอด แบบเสริมแผ่นพยุง ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มของการผ่าตัดทางนรีเวชทางเดินปัสสาวะ ที่มีความละเอียดและซับซ้อนมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยต้องอาศัยความรู้, ความเข้าใจ, ทักษะและประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือมีภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด ศัลยแพทย์โดยส่วนมากมีประสบการณ์ทางด้านศัลยกรรมประเภทนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องคำนึงถึงประสบการณ์ของแพทย์ที่จะทำการผ่าตัด