1) ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากอาการปวดบริเวณแผลผ่าตัด
ในช่วง 2-3 วันแรกอาจมี ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากอาการปวดบริเวณแผลผ่าตัด และอาจมีความรู้สึกปวดเบ่งอยากถ่ายอุจจาระตลอดเวลา ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรจะต้องหยุดทำงาน และงดกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำเป็นประจำหลังการผ่าตัด ซึ่งได้แก่ การเดินหรือการขึ้นลงบันได รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระจากภาวะท้องผูก โดยการรับประทานยาระบาย
ในกรณีที่ผู้เข้ารับการผ่าตัดมีอาการปวดบริเวณแผลผ่าตัดมากขึ้น ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรกลับมาพบแพทย์ โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด
2) ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากภาวะปัสสาวะลําบาก หรือปัสสาวะไม่ออก
พบว่ามีผู้เข้ารับการผ่าตัดบางราย อาจมีอาการไม่ออกหรือมีอาการปัสสาวะลำบากหลังการผ่าตัด ซึ่งพบได้ประมาณน้อยกว่าร้อยละ 1 ของการผ่าตัด โดยเฉพาะในระยะเวลา 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด ทั้งนี้มักจะพบในผู้เข้ารับการผ่าตัดที่มีอาการปวดแผลผ่าตัดมาก ซึ่งทำให้มีการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณปากช่องคลอด ส่งผลต่อการคลายตัวของหูรูดของท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะลำก ในผู้เข้ารับการผ่าตัดที่มีอาการดังกล่าวข้างต้น โดยทั่วไปจําเป็นต้องใส่สายสวนปัสสาวะกลับบ้าน ซึ่งผู้เข้ารับการผ่าตัดจะได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่องจนกว่าภาวะดังกล่าวจะดีขึ้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้โดยทั่วไปแพทย์จะนัดถอดสายสวนปัสสาวะประมาณ 2-3 วันหลังการผ่าตัด
3) ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากภาวะเลือดคั่ง หรือภาวะเลือดออกมากผิดปกติ
อาจพบได้ประมาณน้อยกว่าร้อยละ 1 ดังนั้นผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่ควรรับประทานยาในกลุ่มแอสไพริน หรือกลุ่มยาลดการแข็งตัวของเลือด 10 -15 วัน ก่อนหรือหลังการผ่าตัด
บริเวณที่ทำการผ่าตัดมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกมากผิดปกติได้ เนื่องจากปากช่องคลอดเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก ดังนั้นแพทย์ผู้ผ่าตัดต้องให้ความระมัดระวังในการผ่าตัด โดยทําการเย็บแผลผ่าตัดทั้งหมด 2-3 ชั้น รวมทั้งมีเทคนิคการเย็บแผลผ่าตัดที่ดี ในการป้องกันการเกิดภาวะแผลแยกแล้วทำให้มีเลือดออกมากผิดปกติ ในส่วนของผู้เข้ารับการผ่าตัดค วรจะต้องหยุดทำงาน และงดกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำเป็นประจำ ในระยะ 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด รวมทั้งต้องงดการออกกำลังกายและงดการมีเพศสัมพันธ์ หลังการผ่าตัดอย่างน้อย 6 สัปดาห์
กรณีหลังการผ่าตัด มีเลือดออกมากชุ่มผ้าอนามัย หรือมีเลือดออกเป็นก้อนสีแดงสด กรุณาโทรติดต่อโรงพยาบาลทันที เพื่อขอรับคำแนะนำ หรือกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจแผลผ่าตัด
4) ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากการเกิดแผลแยก, แผลอักเสบ หรือแผลติดเชื้อ
เพราะเนื่องแผลผ่าตัดอยู่บริเวณที่ใกล้ทางเดินปัสสาวะและอุจจาระ ซึ่งมีแบคทีเรียชนิดต่างๆที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อได้ที่แผลผ่าตัดได้ ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อแล้วเกิดแผลแยก โดยการฉีดยาปฏิชีวนะก่อนการผ่าตัด และการรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ
การติดเชื้อหลังการผ่าตัดเป็นเหตุสุดวิสัยที่พบได้ มักเกิดในกรณีที่ผู้เข้ารับการผ่าตัดที่ไม่ปฏิบัติตามคําแนะนําหรือปฏิบัติตามคําแนะนําไม่ถูกต้อง และในผู้เข้ารับการผ่าตัดมีโรคประจําตัว เช่น โรคเบาหวาน รวมทั้งในผู้เข้ารับการผ่าตัด ที่มีภาวะติดเชื้ออยู่ในช่องคลอดก่อนการผ่าตัดอยู่แล้ว กรณีผู้เข้ารับการผ่าตัดมีไข้สูงไม่ทราบสาเหตุและมีอาการปวดที่แผลผ่าตัด ร่วมกับมีอาการบวมแดงที่แผลผ่าตัด กรุณาโทรติดต่อโรงพยาบาลทันที เพื่อขอรับคำแนะนำ หรือกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจแผลผ่าตัด ซึ่งในกรณีมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องได้รับยาปฏิชีวนะรับประทานเพิ่มเติม และเสียค่าใช้จ่ายตามจริง
ต้องการอ่านเพิ่มเติม โปรดคลิก
ปัญหาทั่วไปของ อวัยวะเพศ ภายนอกของผู้หญิง
คำถามบ่อย เกี่ยวกับ การผ่าตัด รีแพร์ ด้านหน้าและด้านหลัง ผนังช่องคลอด
5) ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากมีตกขาวมากผิดปกติ
อาจมีตกขาวสีเหลือง, ตกขาวสีเข้มขึ้น หรือตกขาวมีสีคล้ายหนองหลังการผ่าตัด เนื่องจากภายในช่องคลอดจะเต็มไปด้วยสารคัดหลั่งในช่องคลอด รวมทั้งแบคทีเรียต่างๆ ทําให้เกิดปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อที่ผ่าตัดและไหมที่เย็บแผลผ่าตัด ทั้งนี้ต้องใช้เวลานาน 6-8 สัปดาห์ ที่แผลผ่าตัดจึงหายดีและไหมจะละลายหมด ซึ่งจากนั้นอาการดังกล่าวก็จะหายเป็นปกติ ยกเว้นในกรณีตกขาวมีกลิ่นเหม็น ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจจำเป็นต้องได้รับยารับประทานเพิ่มเติม
อาจมีอาการคันในช่องคลอด หรือ ตกขาวสีขาวปนเขียวมากกว่าปกติหลังการผ่าตัด เนื่องจากเชื้อราภายในช่องคลอด ซึ่งเกิดตามหลังการรับประทานยาปฏิชีวนะ ทั้งนี้โดยทั่วไปแพทย์จะจัดยาฆ่าเชื้อราให้รับประทาน หลังหยุดยาปฏิชีวนะ 1 สัปดาห์ หรือให้ยาเหน็บช่องคลอดฆ่าเชื้อรา เมื่อแผลผ่าตัดหายดีแล้ว หรือหลังการผ่าตัด 6-8 สัปดาห์
6) ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากการเกิดรูรั่วที่แผลผ่าตัด
การเกิดรูรั่วที่แผลผ่าตัดระหว่างลําไส้กับช่องคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ที่มีโอกาสพบได้น้อยมาก อาการที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ มีไข้, เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด, มีหนองไหลออกจากช่องคลอด หรือมีอุจจาระไหลออกทางช่องคลอด ทางทฤษฎีถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ดังนั้นหากผู้เข้ารับการผ่าตัดมีสารคัดหลั่ง ที่มีกลิ่นคล้ายอุจจาระจากช่องคลอด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
7) ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด หรือ ตกแต่งฝีเย็บ เนื่องจากการผ่าตัดมีผลคลาดเคลื่อน
เนื่องจากผลการผ่าตัดส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ โครงสร้างพื้นฐานเดิมของผู้เข้ารับการผ่าตัด ได้แก่ กรณีปากช่องคลอดกว้างมาก เนื่องจากมีบุตรหลายคน หรือมีแผลเป็นที่ปากช่องคลอด อาจไม่สามารถผ่าตัดทำให้ปากช่องคลอดแคบมากๆ ได้ และนอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวของผู้เข้ารับการผ่าตัด เพราะโรคประจำตัวบางชนิด ส่งผลต่อกระบวนการหายของแผลผ่าตัด รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับการดูแลแผลผ่าตัดที่ถูกต้องของผู้เข้ารับการผ่าตัด ในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
กรณีการผ่าตัดมีผลคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเป็นความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด ที่ต้องการผ่าตัดแก้ไขก็อาจทำได้ โดยการพิจารณาตามความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ทั้งนี้ผู้เข้ารับการผ่าตัดและแพทย์ควรจะปรึกษาร่วมกัน ซึ่งผู้เข้ารับการผ่าตัดจะได้รับการผ่าตัดแก้ไขต่อเนื่อง ภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังการผ่าตัด โดยเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ายาตามจริง
ความเสี่ยง หรือ ภาวะแทรกซ้อน หลังการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด (ฝีเย็บ) เป็นสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ดังนั้นโปรดทราบว่า ต่อให้แพทย์ทําการผ่าตัด–เย็บแผลผ่าตัดอย่างระมัดระวังเท่าใดก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าแผลผ่าตัดเกิดเกิดภาวะแทรกซ้อน ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคําแนะนําหลังการผ่าตัดโดยเคร่งครัด ในกรณีที่ผู้เข้ารับการผ่าตัด เกิดภาวะแทรกซ้อน กรุณาโทรติดต่อโรงพยาบาลทันที เพื่อขอรับคำแนะนำ หรือกลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจแผลผ่าตัด