ปัจจัยสําคัญ ของการผ่าตัด ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ปัจจัย
1 . ปัจจัยอย่างแรก คือ แพทย์
สำหรับแพทย์ ไม่ใช่แค่ขั้นตอนในการทำการผ่าตัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์ถึงภาวะแทรกซ้อน ตลอดจนการให้การรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนกับผู้เข้ารับการผ่าตัด
1.1) แพทย์ผู้ผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นโดยเลเซอร์ ควรมีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคพิเศษในการผ่าตัด ที่เหมาะสมในผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคน อาทิ ในผู้เข้ารับการผ่าตัดชาวต่างชาติ ที่ต้องเดินทางกลับต่างประเทศภายใน 5 วันหลังการผ่าตัด อาจจําเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษในการเย็บแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันการแยกของแผลผ่าตัด–เมื่อผู้เข้ารับการผ่าตัดจําเป็นต้องเดินทางกลับต่างประเทศ
1.2) แพทย์ผู้ผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นโดยเลเซอร์ ควรมีความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ไหมที่ใช้เย็บแผลผ่าตัด ที่จะต้องละลายในเวลาที่เหมาะสม–ที่สําคัญคือไหมต้องละลาย–หลังจากแผลผ่าตัดติดดีแล้ว
1.3) แพทย์ผู้ผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ควรมีความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด–ในผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคน เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัดที่อาจจะแตกต่างกัน ระหว่างคนไทยหรือคนต่างชาติ เนื่องจากความไวในการติดเชื้อแต่ละชนิดแตกต่างกัน
1.4) แพทย์ผู้ผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ต้องให้คําแนะนําที่ถูกต้องและเหมาะสม ในผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด เพราะผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคน มีลักษณะการดําเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจทําให้ไม่สามารถปฏิบัติตามคําแนะนําหลังการผ่าตัดที่ถูกต้องได้ทั้งหมด ดังนั้นก่อนการผ่าตัดควรมีการวางแผนร่วมกันระหว่างผู้เข้ารับการผ่าตัดและแพทย์
1.5) แพทย์ผู้ผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ต้องเปิดกว้างยอมรับข้อผิดพลาด มีความซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบ พร้อมที่จะช่วยเหลือและแก้ไขข้อผิดพลาด เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นกับผู้เข้ารับการผ่าตัด
2 .ปัจจัยสําคัญ ของการผ่าตัด ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ อย่างที่สอง คือ ตัวผู้เข้ารับการผ่าตัด
2.1) ผลลัพธ์ที่ดีของการผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นฐานเดิมของโครงสร้างของอวัยวะเพศของผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคน เช่น กรณีแคมเล็กมีขนาดใหญ่มากหรือแคมเล็กมีความหนามาก แคมเล็กมีชั้นซ้อนหลายชั้น แคมเล็กทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือแคมเล็กทั้งสองข้างมีลักษณะแตกต่างกันมาก ผลลัพธ์ของการผ่าตัดย่อมมีความแตกต่างกัน
2.2) ผลลัพธ์ที่ดีของการผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ที่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด
- 2.1) อายุน้อยเกินไปอาจส่งผลถึงการปฏิบัติตัว หรือการดูแลหลังการผ่าตัดที่ถูกต้องไม่ได้ เนื่องจากขาดความรู้และความเข้าใจ มีความอดทนต่อความเจ็บปวดน้อย รวมทั้งขาดความระมัดระวังในการดูแลแผลหลังการผ่าตัด
- 2.2) อายุมากเกินไปอาจส่งผลถึงกระบวนการหายของแผลผ่าตัด เนื่องจากการมีโรคประจําตัวบางอย่าง ที่มีผลต่อกระบวนการหายของแผลผ่าตัด ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยที่แพทย์ไม่สามารถควบคุมได้
2.3) ผลลัพธ์ที่ดีของการผ่าตัดศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวหรือการดูแลหลังการผ่าตัดที่ถูกต้องของผู้เข้ารับการผ่าตัด
- เนื่องจากเป็นการผ่าตัดบริเวณปากช่องคลอดและในช่องคลอด ซึ่งแผลผ่าตัดจะโดนน้ำหรือสารคัดหลั่งจากภายในช่องคลอดตลอดเวลา ซึ่งความชื้นของแผลผ่าตัดส่งผลให้แผลผ่าตัดใช้เวลาในการหายนานกว่าแผลผ่าตัดชนิดอื่น มีโอกาสเกิดการอักเสบและติดเชื้อของแผลผ่าตัดมากกว่าแผลผ่าตัดในบริเวณอื่นๆ ซึ่งการอักเสบและติดเชื้อของแผลผ่าตัด จะทําให้เกิดภาวะแทรกซ้อน แผลผ่าตัดติดผิดรูป เกิดรอยเป็น หรือเกิดแผลแยกทําให้มีเลือดออกผิดปกติ ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อแล้วเกิดแผลแยก โดยการฉีดยาปฏิชีวนะก่อนการผ่าตัด รวมทั้งการผ่าตัดด้วยเครื่องมือและเทคนิคปลอดเชื้อถือเป็นสิ่งสําคัญ
- อีกทั้งเมื่อกลับบ้านผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัดให้ครบทั้งหมด เนื่องจากแผลผ่าตัดตกแต่งทางนรีเวชโดยเลเซอร์ ถือเป็นแผลผ่าตัดที่มีการปนเปื้อน (contaminated surgical wound) เพราะอยู่บริเวณใกล้ทางเดินปัสสาวะและทางเดินอุจจาระ ซึ่งมีแบคทีเรียต่างๆ ที่พร้อมที่จะเข้ามาก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ตลอดเวลา จึงเสี่ยงต่อการอักเสบและการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
- ในระยะ 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด ในผู้เข้ารับการผ่าตัดบางรายอาจมีความจำเป็นที่ต้องใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ เพื่อป้องกันอาการปัสสาวะลำบากหลังผ่าตัด ซึ่งเกิดเนื่องจากภาวะตึงตัวของกล้ามเนื้อรอบปากช่องคลอดในระยะแรกหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นเมื่อภาวะตึงตัวของกล้ามเนื้อรอบปากช่องคลอดลดลง ผู้เข้ารับการผ่าตัดก็จะปัสสาวะได้เองตามปกติ
- วิธีการพักฟื้นจะแตกต่างออกไปในผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคน แต่ภายในวันที่ 1-2 หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะสามารถลุกและเดินไปรอบๆได้ ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องหยุดทำงาน และงดกิจกรรมต่างๆที่เคยทำเป็นประจำในช่วง 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดศั ควรพยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้นบริเวณแผลผ่าตัด ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดหลังปัสสาวะ โดยการซับด้วยทิชชูเปียก (Sanitary Wipes) และหลังอุจจาระ ควรทำความสะอาดโดยการล้างผ่านน้ำเปล่าแล้วซับเบาๆให้แห้ง และในผู้เข้ารับการผ่าตัดตกแต่งแคม ควรทําความสะอาดแผลผ่าตัดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหลังอาบน้ำในตอนเช้าและก่อนนอนหลังจากนั้นใช้ไดร์เป่าผมอุ่นๆ เป่าบริเวณแผลผ่าตัดนานครั้งละ 10-15 นาที หรือจนกว่าบริเวณแผลผ่าตัดจะแห้งสนิท
- ในช่วง 4 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด บริเวณที่ทำการผ่าตัดอาจจะยังคงไม่หายดีนัก ควรจะจำกัดการทำกิจกรรมต่างๆทางกายภาพที่ต้องใช้กำลังบางอย่าง ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจจะค่อยๆกลับมาทำกิจกรรมต่างๆ ยกของและออกกำลังกายแบบเบาๆ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางกายภาพที่ต้องใช้กำลังมากที่ส่งผลกระทบต่อแผลผ่าตัด
- ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ควรงดการเดินเร็วการวิ่งออกกำลังกาย การว่ายน้ำ การยกของหนัก การขี่จักรยานและการมีเพศสัมพันธ์
ดังนั้นโปรดทราบว่า ต่อให้แพทย์ทําการผ่าตัด–เย็บแผลผ่าตัดอย่างระมัดระวังเท่าใดก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าแผลผ่าตัดเกิดการอักเสบและติดเชื้อ ผู้รับการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวชโดยเลเซอร์ต้องให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคําแนะนําหลังการผ่าตัดโดยเคร่งครัด
3 . ปัจจัยสําคัญที่มีผลต่อผลลัพธ์ที่ดี ของการผ่าตัด ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ อย่างที่สาม คือ เทคโนโลยี–เลเซอร์
ศูนย์ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น MasterWork Clinic & Hospital มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการทำผ่าตัดทางด้านนี้โดยเฉพาะ ได้แก่
3.1) การใช้ เลเซอร์ผ่าตัดแบบมีแผลผ่าตัด
- วิธีนี้จะเหมือนกับการผ่าตัดแบบดั้งเดิม เพียงแต่ใช้เลเซอร์ในการผ่าตัดแทนใบมีด ช่วยให้การผ่าตัดมีความแม่นยำเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น ทําให้มีการสูญเสียเลือดน้อยลง เนื่องจากลดการรบกวนจากการทำลายเนื้อเยื่อและเส้นเลือดของแผลผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดเสียเลือดน้อยลง ภาวะแทรกซ้อนน้อยลง ทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งหลังทำผ่าตัดจะมีบาดแผลในช่องคลอด และมีการใช้ไหมละลายเย็บบาดแผลที่ช่องคลอด เหมือนกับการผ่าตัดด้วยวิธีผ่าตัดโดยการใช้มีดแบบดั้งเดิม หลังการผ่าตัดต้องมีการปฏิบัติตัวเช่นเดียวกันกับหลังทำผ่าตัดตกแต่งช่องคลอดโดยการใช้มีดแบบวิธีดั้งเดิม
3.2) การใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดโดยไม่มีแผลผ่าตัด
- เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งยังไม่เคยมีการนำมาใช้ในงานศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวชมาก่อน ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวช โรงพยาบาลยันฮี ถือเป็นแห่งแรกที่เปิดให้บริการเลเซอร์กระชับช่องคลอดแบบที่ไม่มีบาดแผล โดยก่อนการยิงเลเซอร์ แพทย์จะใช้เครื่องมือวัดความตึงตัวของกล้ามเนื้อในช่องคลอดโดยเฉพาะใส่เข้าไปช่องคลอด แล้วให้ผู้เข้ารับบริการขมิบ 1 ครั้ง เพื่อวัดความตึงตัวของช่องคลอดก่อนการยิงเลเซอร์ หลังจากนั้นแพทย์จะให้ยานอนหลับฉีดเข้าหลอดเลือดดํา เมื่อผู้เข้ารับบริการหลับแพทย์จะใส่หัวเลเซอร์เข้าไปในช่องคลอด เครื่องเลเซอร์จะปล่อยแสงเลเซอร์ออกมา เลเซอร์ดังกล่าวนี้จะสร้างคลื่นขึ้นมาในความยาวที่เหมาะสมให้ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อที่บริเวณปากช่องคลอดและในช่องคลอด ความร้อนของเลเซอร์จะทำให้เนื้อเยื่อและคอลลาเจนเกิดการหดตัวลงในทันที ส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดหดสั้นลงและมีความหนาขึ้น และทำให้พื้นผิวช่องคลอดลดลง ทําให้ช่องคลอดแคบลง
- นอกเหนือจากการเกิดปฏิกิริยาการหดตัวของเนื้อเยื่อและคอลลาเจนในชั่วขณะหนึ่งแล้ว เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนเยาว์ลงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น วิธีนี้จึงช่วยให้มีการฟื้นฟูสภาพช่องคลอดทำให้มีความกระชับมากขึ้น
- หลังจากทำไปแล้ว 1 เดือน ความตึงตัวของช่องคลอดจะเพิ่มขึ้นชัดเจน สามารถวัดได้จากเครื่องมือวัดความตึงตัวของกล้ามเนื้อในช่องคลอด โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือดังกล่าววัดซํ้าหลังจากการยิงเลเซอร์ไป 4-6 สัปดาห์แล้ว และวัดซํ้าอีกครั้งเมื่อครบ 4 เดือน
- หลังการทําเลเซอร์จะไม่มีอาการปวดและไม่มีการสูญเสียเลือด แตกต่างกับการใช้เลเซอร์ผ่าตัดแทนใบมีด นอกจากนี้ยังงดการมีเพศสัมพันธ์หลังการยิงเลเซอร์เพียง 2-4 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามหัตถการกระชับช่องคลอดโดยวิธีนี้มีข้อจำกัด การทําเลเซอร์ชนิดนี้ควรทําในสุภาพสตรีที่มีช่องคลอดหย่อนยานไม่มากนัก เนื่องจากความกระชับของช่องคลอดที่ได้เป็นผลมาจากการสร้างคอลลาเจนบริเวณรอบๆช่องคลอด ซึ่งเนื้อเยื่อช่องคลอดของแต่ละบุคคลก็อาจมีการตอบสนองต่อเลเซอร์–สร้างคอลลาเจนได้ไม่เท่ากัน อีกทั้งผลการรักษาได้ผลเพียงชั่วคราว ทำ 1 คอร์สสามารถกระชับช่องคลอดได้ 1 ปี
ปัจจัยสําคัญที่มีผลต่อผลลัพธ์ที่ดีของ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น โดยเลเซอร์ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ปัจจัย ได้แก่ แพทย์ผู้ผ่าตัด, ผู้เข้ารับการผ่าตัด และการเลือกเลเซอร์ที่ใช้ ต้องมีความเหมาะสมสําหรับหัตถการแต่ละชนิดละเหมาะสมในผู้รับบริการแต่ละคน ทั้งนี้เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและเกิดภาวะแทรกซ้อนให้น้อยที่สุด เพี่อให้ผู้รับบริการมั่นใจว่าจะได้รับการรักษา โดยมีการใช้ technology ที่ทันสมัยอย่างเหมาะสม